Cyber Sovereignty

เรากำลังถูกสมาร์ทโฟนเปลี่ยนความคิดโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า?

ตีพิมพ์: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ: 25 กรกฎาคม 2561

สมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือในการนำเสนอสิ่งที่ “เขา” อยากให้ “เรา” เสพ โดยเราอาจถูกเปลี่ยนความคิด ความเชื่อไปอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ออกแบบโมบายแอปพยายามดึงเวลาให้คนติดกับแอปนั้นให้มากที่สุด หวังแย่ง “Attention Span” เพราะเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ แล้วเราเองรู้หรือไม่ว่า วันนี้สมาร์ทโฟนได้แย่งเวลาในชีวิตของเราไปโดยไม่รู้ตัว

วันนี้เรารู้หรือไม่ว่า สมาร์ทโฟนกำลังแย่งเวลาในชีวิตเราโดยที่เราไม่รู้ตัว?

Is your Smartphone hijacking your brain?

ยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ สังเกตได้จากจำนวนสมาร์ทโฟนที่คนไทยใช้อยู่ในเวลานี้ มีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านเครื่องไปแล้ว

และทุกวันนี้ คนไทยมีการใช้ Facebook ถึง 52 ล้านบัญชี ซึ่ง 97.86% ใช้งานอยู่บนสมาร์ทโฟน

จากข้อมูลวิจัยหลายสำนักพบว่า คนไทยใช้เวลากับสมาร์ทโฟนกว่า 5-6 ชั่วโมงต่อวัน และมีการใช้งานโมบายแอปยอดฮิต ได้แก่ Facebook , YouTube และ Line หลายชั่วโมงต่อวัน

ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสภาพ “สังคมก้มหน้า” ได้อย่างชัดเจน เราไม่ค่อยได้เห็นภาพครอบครัวมารวมตัวกันหน้าจอโทรทัศน์แบบในอดีต

หากแต่สมาชิกในครอบครัวทุกท่านล้วนมีโลกส่วนตัวกับสมาร์ทโฟน และสามารถเลือกที่จะเสพสื่อ หรือข้อมูลที่ตนเองสนใจและต้องการอ่าน/ชม/ฟัง ตามสไตล์ของแต่ละคนโดยหลายคนใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟนมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่รู้ตัว

เบื้องหลังการที่เราใช้เวลาในชีวิตส่วนใหญ่กับสมาร์ทโฟนนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

แต่เกิดจากการที่มนุษย์ด้วยกันได้ออกแบบสมาร์ทโฟนและโมบายแอปดึงดูดผู้ใช้ให้คอยใช้เวลาในชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านั้น อยู่กับหน้าจอบนสมาร์ทโฟนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ยิ่งผู้ใช้ใช้เวลาอยู่กับโมบายแอปได้นานเท่าไหร่ บริษัทที่ทำโมบายแอปก็ยิ่ง “Make Money” ได้มากขึ้นเท่านั้น

มูลค่าบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์หลายบริษัทถูกประเมินจาก “เวลา” ที่โมบายแอปของบริษัทนั้นสามารถดึงดูดผู้ใช้ให้อยู่กับหน้าจอของโมบายแอปนั้นๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะส่งโฆษณาและส่งข้อมูลต่างๆ ที่ “เขา” อยากให้ “เรา” เห็น ไม่ใช่ข้อมูลที่ “เรา” ต้องการเห็น

ดังนั้นทุกวันเราจึงถูก “ยัดเยียด” ข้อมูลโฆษณาข่าวสารต่างๆ เข้าสมองของเรา โดยผ่านทางประสาทตาที่คอยจับจ้องไปที่หน้าจอของสมาร์ทโฟนตลอดเวลา โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่า…

สมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือในการนำเสนอข่าวสารที่ “เขา” อยากให้ “เรา” เสพ โดยที่เราอาจถูกเปลี่ยนความคิด ความเชื่อจนไปถึงความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการไปอย่างสิ้นเชิง

ในมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Stanford University มีวิชาและห้องทดลองเกี่ยวกับ “Persuasive Tech LAB” เพื่อให้นักพัฒนาโมบายแอปสามารถออกแบบอย่างไรให้คนเข้ามาใช้อยู่ตลอดเวลา

ทุกวันนี้เราจะเห็นสัญญาณบอลลูน “Red Alert Notification” อยู่เป็นประจำบนหน้าจอสมาร์ทโฟน เป็นการบ่งบอกว่า วันนี้มีคนมา “Like” Facebook ที่เราโพสต์กี่คน

สังเกตได้จาก Instagram จะขึ้น Alert มาทีละครั้งต่อหนึ่งโพสต์เพื่อให้เราเข้าไปดูอย่างต่อเนื่องในโพสต์ หรือแม้กระทั่ง Facebook Video ก็จะมีฟีเจอร์ Auto Play ให้เราดูวิดีโอบน YouTube ไปเรื่อยๆ

ทุกสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจงใจ “ออกแบบ” (By Design) ให้เราติดกับสมาร์ทโฟนแบบงอมแงมโดยที่เราไม่รู้ตัว

ผมเองก็เป็นเหยื่ออีกคนหนึ่งที่เหมือนกับทุกท่านทั่วไป สมองสั่งการให้เช็คหน้าจอสมาร์ทโฟนเป็นระยะๆ โดยจากสถิติคนเราเช็คหน้าจอสมาร์ทโฟนโดยเฉลี่ยวันละ 150 ครั้งต่อวัน

ที่มา : https://www.crystaldsmith.com/visual-content/our-average-attention-span/

การที่ผู้ออกแบบโมบายแอปของสมาร์ทโฟนต้องออกแบบให้ดึงเวลาในชีวิตของผู้คนให้มากที่สุด เกิดขึ้นเพราะการแข่งขันทางธุรกิจที่เรียกว่า การแย่ง “Attention Span”

คำว่า “Attention Span” หมายถึง เวลาเฉลี่ยที่มนุษย์ในศตวรรษ 21 ใช้ในการให้ความสนใจเสพสื่อข้อมูลข่าวสารต่างๆ

ซึ่งสถิติจากปี 2000 พบว่ามนุษย์ใช้เวลา Attention Span เฉลี่ยประมาณ 12 วินาที ส่วนเจ้าปลาทองมี Attention Span 9 วินาที (เป็นที่มาของคำว่า “ความจำปลาทอง”) ก่อนที่มันจะลืมและไปสนใจสิ่งอื่น

ผ่านไป 13 ปี พบว่า Attention Span ของคนลดเหลือเฉลี่ยประมาณ 8 วินาที น้อยกว่าความจำเจ้าปลาทองเสียอีก

ซึ่งมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะลดลงเหลือเพียง 5 วินาทีเท่านั้นหรือต่ำกว่า แสดงให้เห็นว่าสื่อทุกสำนักจึงจำเป็นต้องเอาตัวรอดโดยสร้างความสนใจให้กับ “Content” ของตนให้ได้ภายในเวลา 5-8 วินาทีแรก

จะสังเกตจากพาดหัวสื่อต่างๆ ในโซเชียลมีเดียมักจะมีตัวอักษรสีแดงตัวใหญ่ๆ กำกับรูปภาพข่าวเสมอ และมีการใช้ภาษาที่สร้างแรงถูกใจวัยรุ่นเพื่อดึงดูดให้หลายคนเข้าไปอ่านพาดหัวข่าว และรีบแชร์ต่อ โดยที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านเนื้อหาของข่าวเลยด้วยซ้ำ

ทางออกของปัญหา

ในโลกแห่งความเป็นจริงเราสามารถควบคุมตัวเองได้ เมื่อได้รู้ข้อเท็จจริงเรื่องเวลากับการใช้งานสมาร์ทโฟนดังกล่าว เพื่อที่จะได้ไม่ตกอยู่ในความควบคุมจิตใจของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนวัลเลย์

ซึ่งผมคงไม่ต้องกล่าวถึงว่าเป็นบริษัทอะไร ท่านผู้อ่านก็คงจะพอเดาได้ เริ่มจากการจับเวลาวัดสถิติการใช้งานสมาร์ทโฟนของเราในชีวิตประจำวันแต่ละวัน ด้วยโปรแกรมโมบายแอปที่อยู่ใน App Store และ Play Store ที่เราคุ้นเคยก็ได้

โดยโปรแกรมเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เราเห็นสภาวะที่ต้องอยู่กับสมาร์ทโฟน และโมบายแอปต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อเราจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้งานสมาร์ทโฟน เพื่อให้มีเวลาอยู่กับมนุษย์ด้วยกัน อยู่กับคนในครอบครัว กับคนที่เรารัก และคนที่เขารักเรามากขึ้น เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์มากกว่าอยู่กับสมาร์ทโฟน

การที่เราใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนว่า เราเข้าไปอยู่ใน “The Matrix” ในบทความที่ผมได้นำเสนอเรื่อง Cyber Sovereignty หรืออธิปไตยไซเบอร์ไปแล้ว

กล่าวโดยสรุปเราจะสังเกตได้ว่า “Content” ที่มาจาก News Feed ในโปรแกรมโซเซียลต่างๆ แต่ละวัน ได้ถูกนำเสนออย่างมีนัยยะและตั้งใจให้เรา “เห็น” โดยมีผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจแอบแฝง

เราจึงควร “รู้เท่าทัน” และเล่นบทเป็น “ผู้กำหนด” ว่าเรา “อยากจะเห็น” หรือ “ไม่อยากเห็น” ด้วยตัวของเราเอง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเรียกร้อง “อธิปไตยไซเบอร์” ของเรากลับมาเสียที