Cyber Sovereignty

Are we living in a Matrix? หรือเรากำลังอยู่ใน “เดอะเมทริกซ์?

ตีพิมพ์: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ: 3 ตุลาคม 2561

Elon Musk เคยเปรียบไว้ว่า เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ใน Simulation Reality หรือ The Matrix ที่เป็น “สภาวะไซเบอร์” สามารถล่วงรู้ Digital Lifestyle จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ “Fitter Bubble Effect” และ “Echo Chamber Effect” การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ จึงควรรู้เท่าทันก่อนที่เราจะถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางการตลาดโดยไม่รู้ตัว

จากกระแส “Digital Disruption” และ “Digital Transformation” ทั่วโลก ทำให้เราคงปฏิเสธไม่ได้ถึง การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของโลกมีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คำว่า ” Digital Transformation” หรือ “Digital Disruption” เป็นสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทั้ง 4 ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล นั่นก็คือ The Four IT Mega Trends in S-M-C-I Era

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากปัจจัยทั้งสี่ดังกล่าว จึงมีผลกระทบเกิดขึ้นใน 3 ระดับได้แก่ ระดับบุคคลและครอบครัว ระดับองค์กร และระดับประเทศ ไปถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ (National Security)

ปัจจุบันประเทศไทยของเรามีเอกราชและอธิปไตยในดินแดนของตนเองในเชิงกายภาพ (Physical) แต่หลังจากระบบอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อการติดต่อสื่อสารของคนไทยในหลายปีที่ผ่านมา

ตลอดจนความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟน และโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ของคนไทย ทำให้มีการเก็บข้อมูลคนไทยทั้งประเทศไว้ในระบบคลาวด์ โดยส่งผ่านจากสมาร์ทโฟนและโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าว

ยกตัวอย่างเช่น Facebook, Youtube และ Line ณ เวลาที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความ คือ ตุลาคม พ.ศ. 2561 มีคนไทยใช้งานสมาร์ทโฟนกว่าหนึ่งร้อยล้านเครื่อง เฉลี่ยใช้งานวันละ 6.3 ชั่วโมงต่อวัน

โปรแกรมยอดนิยมคงหนีไม่พ้นสามโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดปรากฏการณ์มหกรรมการเก็บข้อมูลของคนไทยเข้าสู่ระบบคลาวด์ของบริษัทผู้ให้บริการโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าว

สืบเนื่องจากการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย ทำให้มีการจัดเก็บเกิดการเก็บพฤติกรรมผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ผู้ใช้ทราบและไม่ทราบมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลตำแหน่งการใช้งาน (User Location) พฤติกรรมการค้นหาข้อมูล (User Search Behavior and Search Keyword) พฤติกรรมการเข้าชมภาพและวิดีโอ

ตลอดจนพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ เช่น การจองโรงแรม การจองตั๋วเครื่องบิน ทำให้ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ตกอยู่ในมือของผู้ให้บริการการค้นหาข้อมูล และผู้ให้บริการโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ มีกลไกในการวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลของเรา โดยใช้เทคโนโลยี Big Data Analytic และ Machine Learning ทำให้ผู้ให้บริการสามารถล่วงรู้พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต การใช้สมาร์ทโฟน การค้นหาข้อมูล การใช้โปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์

การรับรู้ข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถทราบถึง “Digital Lifestyle” ของผู้คนอย่างไม่ยากเย็นนักจากข้อมูลที่เราเป็นคนใส่ข้อมูลเข้าไปในระบบทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว

Elon Musk แห่ง Tesla เคยเปรียบเปรยไว้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่ใน “Simulation Reality” หรือ “The Matrix” หลายท่านอาจกำลังนึกถึงนวนิยายไซไฟ

แต่จริงๆ แล้วเรากำลังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคนมีความเกี่ยวพันกับ S-M-C-I อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเปรียบเหมือนเรากำลังอยู่ใน “สภาวะไซเบอร์”

ซึ่งปัจจัยทั้งสี่ S-M-C-I กำลังมีผลกับเราอย่างไม่รู้ตัว โดยปัจจุบันคนไทยมี Facebook Account มากกว่า 52 ล้าน และ LINE Account มากกว่า 40 ล้าน มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องในแทบทุกวัน

เรียกได้ว่าเป็น “New Platform” ที่คนไทยกำลังใช้ในการติดต่อสื่อสารแทนการใช้งานเทคโนโลยีในอดีต

คนจำนวนมากอาจยังไม่ทราบอีกว่า การใช้งานโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือการใช้งาน “Search Engine” ในการสืบหาข้อมูลนั้น หลายครั้งที่เราค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่าง จากนั้นในเวลาไม่นานนักมักจะมีการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ กลับมาหาเราได้อย่างตรงใจ เหมือนว่าระบบนั้นรู้ใจเราเป็นพิเศษ

นั่นก็คือ ปรากฏการณ์ “Filter Bubble Effect” โดยที่ระบบจะแสดงผลลัพธ์การค้นหาข้อมูล เป็นไปตาม “Digital Lifestyle” ของเรา

ยกตัวอย่าง เช่น คนสองคน ค้นหาคำๆ เดียวกัน แต่ผลลัพธ์อาจจะไม่เหมือนกัน ท่านผู้อ่านลองค้นคำว่า “Hotel Bangkok”

จากมือถือหรือคอมพิวเตอร์พร้อมๆ กัน จะพบว่าระบบจะแสดงผลลัพธ์เสนอโรงแรมมาให้เราเลือกไม่เหมือนกันในเวลาเดียวกัน เป็นเรื่องแปลกแต่จริง

ปัญหาจากปรากฏการณ์ “Fitter Bubble Effect” ของโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์และโปรแกรมค้นหาข้อมูลต่างๆ ก็คือ เราจะได้รับข้อมูลที่ต่างจากข้อมูลความเป็นจริง โดยเราจะได้รับข้อมูลที่ตรงกับใจเราเป็นส่วนใหญ่

กล่าวได้ว่าโปรแกรมดังกล่าว ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Echo Chamber Effect” คือผลลัพธ์ที่ระบบแสดงออกมามักจะเป็นไปในทางเดียวกัน

เช่น เป็นคอมเม้นต์เชิงบวกจากการโพสต์ในโซเชียลมีเดียของเรา โดยเราจะไม่ค่อยเห็นโพสต์หรือคอมเม้นต์ที่แตกต่างหรือขัดแย้งไปจากความคิดของเรา ทำให้เราไม่สามารถที่จะรับรู้ความจริงที่อาจจะตรงกันข้ามกับผลลัพธ์ที่เราเห็นในโลกโซเชียลมีเดีย

กล่าวได้ว่าโซเชียลมีเดียมีผลต่อการตัดสินใจ ความเชื่อ ความคิด ความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ มีผลกับแบรนด์ มีผลกับชื่อเสียงของบุคคลและองค์กร มีผลต่อความเชื่อถือในผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการต่างๆ

เมื่อกระแสพาไป ทำให้คนส่วนใหญ่หลงเชื่อไปในทิศทางเดียวกัน  

Thailand 4.0 จำเป็นต้อง Upgrade Digital Literacy ให้เป็น คนไทย 4.0 ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นการใช้งานโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ จึงจำเป็นต้องใช้งานอย่าง “มีสติ” และ “รู้เท่าทัน” เรียกว่าเราจำเป็นต้องมี “Digital Literacy” ที่ดีในระดับหนึ่ง ไม่หลงในกระแสโซเชียล

ซึ่งไม่ง่ายนักสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะรู้เท่าทันภัยมืดดังกล่าว แม้กระทั่งผู้ใหญ่อย่างเราท่านบางครั้งยังมีความคิดตามไปกับกระแสโซเชียลอันเชี่ยวกรากเสียด้วยซ้ำไป ประโยชน์จึงไปตกอยู่ในมือผู้ให้บริการโปรแกรมเครือข่ายสังคมออนไลน์ และผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการโฆษณาโปรโมทสินค้าและบริการ

เราจึงมีความจำเป็นต้องเข้าใจในสองปรากฏการณ์ดังกล่าว เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อความเข้าใจที่เกิดจากการรับรู้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างไม่รู้ตัว

จึงไม่น่าแปลกใจว่าอาชีพที่กำลังฮ็อตฮิตที่สุดในซิลิกอน วัลเลย์ ขณะนี้ก็คือ “Data Scientist” และ “Machine Learning Expert”

ยกตัวอย่างใน Agoda หรือ Booking ซึ่งเป็นเว็บไซต์และโมบายแอปชื่อดังด้านการจองโรงแรม กำลังรับสมัครพนักงานในสาขานี้ เพื่อจะได้เสริมกำลังในการนำเสนอโรงแรมให้ตรงกับใจและพฤติกรรมของลูกค้าให้มากที่สุด

โดยหลายท่านเคยพบกับประสบการณ์ในการเลือกชมสินค้าซ้ำๆ กันหลายครั้งพบว่า หลังจากเข้าไปชม เข้าไปเลือกสินค้าและบริการดังกล่าวหลายครั้ง พอถึงเวลาจะซื้อจริงๆ พบว่าราคาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ

แต่หลังจากที่ลองเปลี่ยน Internet Browser พบว่าราคากลับเข้าสู่ปกติ นับเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับ Data Scientist ถือเป็นเรื่องปกติ

ดังนั้น ผู้ใช้บริการควรรู้เท่าทันวิธีการดังกล่าว และร่วมกันเรียกร้องสิทธิในการนำข้อมูลส่วนบุคคลของเราที่ไม่ควรจะถูกละเมิดไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือนำไปใช้ทางการตลาดโดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบต่อเจ้าของข้อมูลเสียก่อน